เปิดวิธีเล่น โป๊กเกอร์ออนไลน์ แบบละเอียด
นอกจาก คาสิโนออนไลน์ แล้วคาสิโนสดก็เป็นการพนันอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความสนใจจะเหล่านักเดิมพันกันไม่น้อย โดยเฉพาะ โป๊กเกอร์ออนไลน์ ที่มีทั้งความตื่นเต้น รูปแบบการเล่นที่หลากหลาย แต่เราจะเลือกเล่นตัวไหน เล่นยังไง ทุกอย่างอยู่ในบทความนี้แล้วล่ะครับ
ก่อนที่จะตัดสินใจเล่นโป๊กเกอร์ต้องดูก่อนว่าเกม โป๊กเกอร์ออนไลน์ ที่เราสนใจเล่นเป็นแบบไหนชนิดใด เพราะ คาสิโนออนไลน์ แต่ละที่อาจจะมีโป๊กเกอร์หลายชนิดให้เล่น ไม่ก็มีแค่แบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าจะมีโป๊กเกอร์อยู่หลายแบบส่วนใหญ่วิธีการเล่นและกติกาพื้นฐานก็จะคล้ายคลึงกัน คือมีผู้เล่นตั้งแต่ 2-10 คน ก่อนเริ่มเกมทุกคนต้องวางเดิมพันแบบบังคับตามกฎ ส่วนรูปแบบการเล่นจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
-
- Cash game เป็นการเล่นด้วยเงินสดหรือชิป แล้วแต่ว่าทาง คาสิโนออนไลน์ จะกำหนดอย่างไร ก่อนเริ่มเกมผู้เล่นจะตกลงกันว่าเงินเดิมพันต่ำสุดและสูงสุดคือเท่าใด บางครั้งผู้แจกไพ่ก็เป็นคนกำหนดขึ้นมา ความโดดเด่นก็คือผู้เล่นสามารถเข้าออกโต๊ะได้ตลอดเวลา อยากเลิกตอนไหนก็ได้ หรือเงินหมดจะลุกออกไป แล้วขนเงินกลับมาเล่นต่อโต๊ะเดิมก็ได้
- Tournament เป็นการเล่นจนกว่าจะเหลือผู้ชนะเพียงคนเดียว ส่วนเงินรางวัลจะมาจากการสะสมชิปเดิมพันของผู้เล่นที่แพ้ หรือเงินจาก Pot การเล่นลักษณะนี้จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการเล่นด้วย
ส่วนโป๊กเกอร์ที่นิยมเล่นกันก็จะมี Texus Hold’em, Omaha และ 7 Stud ส่วนโป๊กเกอร์รูปแบบอื่นที่เกิดขึ้นมาถูกพัฒนามาจาก 3 เกมนี้ ส่วนกติกาและวิธีเล่นก็จะแตกต่างกันตามนี้
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านได้เลย ความน่าจะเป็นของ โป๊กเกอร์ คืออะไร รู้ไว้ไม่เสียเชิง
Texus Hold’em
นับได้ว่าเป็น โป๊กเกอร์ออนไลน์ แบบดั้งเดิมที่เล่นง่ายที่สุด และได้รับความนิยมตาม คาสิโนออนไลน์ มากที่สุด ต่อให้คนที่เล่นไม่เป็นก็สามารถเล่นได้ ซึ่งวิธีการเล่นโป๊กเกอร์โฮลเอ็มมีดังนี้
-
- ผู้เล่นที่เป็น Big blind และ Small blind ต้องวางเดิมพันตามกฎ ส่วนผู้เล่นคนอื่นจะแข่งกันโดยการ Raise หรือ Fold หรือ Call และเมื่อไม่มีใครวางเดิมพันเพิ่มจะเข้าสู่รอบการเล่น
- ในรอบแรก ผู้แจกไพ่จะแจกไพ่ให้ผู้เล่นโดยคว่ำหน้าไพ่ไว้คนละ 2 ใบ หรือที่เรียกว่า Hold Cards จากนั้นผู้เล่นที่อยู่ถัดจากตำแหน่ง Big blind จะเป็นผู้เริ่มเล่นก่อน และวนไปเรื่อย ๆ จนครบทุกคน
- ในรอบที่ 2 ผู้แจกไพ่จะทำการแจกไพ่ใบที่ 3 หรือที่เรียกว่า Flop ในรอบนี้ความเข้มข้นของเกมจะเพิ่มขึ้นด้วยการบลัฟกันระหว่างผู้เล่น เมื่อเล่นกันเสร็จแล้วจะเข้าสู่รอบต่อไป
- ในรอบที่ 3 ไพ่ใบที่ 4 หรือที่เรียกว่า Turn จะถูกแจกลงบนโต๊ะ ให้ผู้เล่นได้ลุยกันต่อ
- ในรอบที่ 4 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายไพ่ใบที่ 5 หรือ River จะถูกแจก เมื่อเล่นเสร็จผู้เล่นทุกคนจะต้องโชว์ไพ่เพื่อวัดขนาดไพ่กัน
- เมื่อจบเกม ตำแหน่ง Big blind, Small blind และ Dealer จะเวียนไปตามเข็มนาฬิกาเพื่อให้ทุกคนได้เล่นทุกตำแหน่ง
สำหรับเงินเดิมพันที่ผู้เล่นจะได้รับถ้าชนะคือเงินที่อยู่ใน Pot (เงินเดิมพันบนโต๊ะ) ทั้งหมด ส่วนเงิน Side Pot จะเกิดจากการเทหมดหน้าตัก (All-in) ของผู้เล่นที่เงินไม่พอ และถ้าผู้เล่นที่ทำการ All-in ชนะในเกมนั้น ๆ ก็จะได้รับเพียงแค่เงินจาก Pot แต่ Side Pot จะไม่ได้ เมื่อมีการจ่ายเงินกันแล้วก็จะเริ่มทำการสับไพ่เพื่อเป็นการจบเกม
Omaha
เป็นโป๊กเกอร์อีกรูปแบบที่นิยมเล่นกันใน คาสิโนออนไลน์ กติกาส่วนใหญ่จะเหมือนกับโฮลเอ็ม ต่างกันที่ Hold Cards หรือไพ่ในมือผู้เล่นจะมีอยู่ 4 ใบ ส่วนไพ่กองกลางมี 5 ใบเหมือนเดิม วิธีเล่นมีดังนี้
-
- ผู้เล่นที่เป็น Big blind และ Small blind วางเดิมพันก่อนเริ่มเกม
- ผู้แจกไพ่แจกไพ่ให้กับผู้เล่นคนละ 4 ใบ ในรอบแรก เมื่อแจกครบทุกคนผู้เล่นจะเริ่มวางเดิมพัน
- ในรอบที่ 2 ไพ่ Flop จะถูกแจกลงบนโต๊ะเพื่อให้ผู้เล่นเดิมพันและเล่นกันต่อ
- ในรอบที่ 3 ไพ่ Turn ถูกวางลงบนโต๊ะ ผู้เล่นทำการเดิมพันและเล่นต่อ
- ในรอบที่ 4 ไพ่ River ถูกวางลงไป ผู้เล่นทุกคนจะวางเดิมพัน แล้วเลือกไพ่ในมือมา 2 ใบเท่านั้นมาแทนที่ไพ่ 2 ใบบนโต๊ะ เพื่อให้ได้แต้มที่ดีที่สุด
- ผู้แจกไพ่จะเก็บไพ่ไปสับใหม่ ตำแหน่ง Big blind, Small blind และ Dealer จะถูกเวียนไปตามเข็มนาฬิกา เป็นอันจบเกม
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านได้เลย อย่าเล่นถ้ายังไม่ได้อ่าน กติกาและลำดับไพ่ใน โป๊กเกอร์ออนไลน์
7 Stud
มาต่อกันที่เกมไพ่ โป๊กเกอร์ออนไลน์ ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่าง โฮมเอ็ม และโอฮาม่า และพัฒนากฎกติกาขึ้นมาอีกสักเล็กน้อย รูปแบบการเล่นที่ทำให้เป็นที่น่าสนใจก็คือไพ่ 7 ใบที่ผู้เล่นจะได้รับ โดยไม่มีไพ่กองกลางให้แม้แต่ใบเดียว ไม่มี Big blind, Small blind มากวนใจ เกมนี้ฝีมือล้วน ๆ เพราะเป็นการวัดกันว่าไพ่ใครจะเหนือกว่ากัน วิธีการเล่นก็มีดังนี้
-
- ผู้เล่นทุกคนจะต้องวางเดิมพันต่ำสุด 10% ของชิปเดิมพันต่ำสุด เพื่อรับไพ่ โดยเงินเดิมพันตรงนี้จะเรียกว่า Ante
- ในรอบแรก ผู้เล่นทุกคนจะได้รับไพ่คนละ 3 ใบ เป็นไพ่คว่ำหน้า 2 ใบ (2 Face down) และหงายหน้าอีก 1 ใบ (Door card) โดย Door card ของใครแต้มน้อยสุดจะได้สิทธิ์วางเดิมพันก่อนหรือจะทิ้งไพ่เลยก็ได้ แต่ถ้าทิ้งไพ่คนที่อยู่ถัดไปทางซ้ายจะต้องวางเดิมพันแทน และต้องเดิมพันเป็นสองเท่าของ Ante เมื่อทุกคนวางเดิมพันกันเรียบร้อยแล้วจะเป็นการเริ่มรอบต่อไป
- ในรอบที่ 2 Fourth Street หรือไพ่ใบที่ 4 จะถูกแจกให้ผู้เล่นทุกคนโดยหงายหน้าไพ่ขึ้น หลังจากนั้นผู้เล่นก็วางเดิมพันสู้กัน
- ในรอบที่ 3 Fifth Street หรือไพ่ใบที่ 5 จะถูกแจกให้กับผู้เล่นทุกคนโดยหงายหน้าไพ่เช่นเดียวกัน จากนั้นผู้เล่นต้องวางเดิมพันอย่างน้อย 2 เท่าของเดิมพันในรอบที่ 2
- ในรอบที่ 4 Six Street หรือไพ่ใบที่ 6 จะถูกแจกให้กับผู้เล่นทุกคนโดยหงายหน้าไพ่อีกครั้ง ส่วนการเดิมพันสามารถวางได้ตามปกติ
- ในรอบที่ 5 River หรือไพ่ใบที่ 7 จะถูกแจกให้กับผู้เล่นทุกคนโดยคว่ำหน้า เมื่อวางเดิมพันกันเสร็จแล้วคนที่ raise หรือเพิ่มเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะจะต้องเป็นคนเปิดไพ่ก่อน แล้วตามด้วยผู้เล่นที่ call วนไปตามเข็มนาฬิกา โดยผู้เล่นทุกคนจะต้องเลือกไพ่ 5 ใน 7 ใบที่ได้รับออกมาสู้กัน